คลินิคกายภาพบำบัด
(Physical Therapy Clinic)
 
กายภาพบำบัด (Physical therapy) เป็นวิชาชีพทางวิทยาศาสตร์สุขภาพซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพของประชาชน ทั้งในแง่ส่งเสริม, ป้องกัน, รักษา และฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ โดยใช้วิธีตามหลักวิทยาศาสตร์ และเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางกายภาพบำบัด  เช่น  การออกกำลังกายเพื่อการรักษา, การรักษาด้วยการดัด – ดึง, การใช้เครื่องไฟฟ้า, ความร้อน – ความเย็นในการรักษา  โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพและมีความสามารถในการทำงานของร่างกายอย่างเต็มที่  ซึ่งปัจจุบันนี้งานกายภาพบำบัดจะแบ่งออกเป็นสายงานต่างๆ ดังนี้

1. กายภาพบำบัดด้านระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ  เช่น  ผู้ป่วยที่มีปัญหาข้อติดเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก, มีการปวดที่มีสาเหตุจากความผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ

2. กายภาพบำบัดด้านระบบประสาท  ได้แก่  ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวหรือผู้ที่มีปัญหาจากการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีสาเหตุจากความผิดปกติของระบบประสาท  เช่น  ผู้ป่วยอัมพาต, ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

3. กายภาพบำบัดด้านระบบทรวงอก (ปอดและหัวใจ) ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการหายใจหรือการทำงานของหัวใจ  เช่น  ผู้ป่วยโรคปอดที่มีเสมหะคั่งค้างหรือเกิดการติดเชื้อ, ผู้ป่วยโรคหัวใจ รวมถึงผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังผ่าตัด

4. กายภาพบำบัดด้านกีฬา เช่น การดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพนักกีฬาทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน

โปรแกรมกายภาพบำบัด
   การกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังจากปัญหากล้ามเนื้อข้อต่อ และเส้นเอ็น
   การกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดเส้นประสาทการกระตุ้นการฟื้นตัวของเส้นประสาท
   การกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดสำหรับผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกจากโรคหลอดเลือดสมอง(Stroke) และผู้ได้รับบาดเจ็บทางสมอง
   การกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดสำหรับผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลัง
   การกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงผู้มีปัญหารการยืนเดิน การทรงตัว
   การกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการทรงตัวการยืนเดิน เพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
   การกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการทำงานขั้นสูงของสมองบกพร่องความจำเสื่อม Alzheimer disease
 
โปรแกรมกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน
   เน้นการรักษาไปที่เรื่องของสมดุลการทรงตัว การทำงานแบบประสานสัมพันธ์ อาการปวดตามร่างกาย ปัญหาในการเดินและการเคลื่อนไหว และการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ

 
โปรแกรมการฟื้นฟูผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบภาวะหัวใจวาย
   การกายภาพบำบัดฟื้นฟูหลังผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจผ่าตัดซ่อมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
 
โปรแกรมปรับสมดุลกล้ามเนื้อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดปวด สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาปวดเรื้อรังจากออฟฟิศซินโดรม, ปรับ posture และฝึกออกกำลังกาย เพื่อป้องกันความเสื่อมของกระดูกสันหลังก่อนวัยอันควร
 
โปรแกรมฟื้นฟูสำหรับผู้ป่วยกลืนลำบากสำลักโดยนักกิจกรรมบำบัด
 
การปักเข็มคลายจุดปวด(Dry needling) และการฉีดยาคลายจุดปวด(Trigger point injection)

ธาราบำบัด (Aquatic Therapy)

ธาราบำบัด คือการนำคุณสมบัติของน้ำมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคหรืออาการผิดปกติต่างๆ โดยน้ำจะมีแรงลอยตัว ช่วยลดแรงกดต่อข้อต่อ และการเคลื่อนไหวช้าๆในทิศทางต่างๆน้ำจะเป็นเสมือนแรงพยุงช่วยให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น ในขณะที่การเคลื่อนไหวในน้ำเร็วๆแรงๆนั้น ส่งผลให้น้ำกลายเป็นแรงต้านเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนั่นเอง

กลุ่มคนไข้ที่เหมาะกับธาราบำบัด เหมาะกับคนที่มีการผ่าตัดข้อต่อต่างๆ และแผลผ่าตัดหายสนิทแล้ว ก็สามารถที่จะฝึกการออกกำลังกายในน้ำได้ คนที่มีปัญหาเรื่องปวดต่างๆ การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและไม่ทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ เพราะฉนั้นในกรณีที่มีปัญหาเรื่องปวดเยอะ การทำธาราบำบัดก็จะช่วยเป็นการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อโดยที่ไม่เกิดการปวดได้

นอกจากความช้าเร็วในการเคลื่อนไหวแล้ว อุปกรณ์การออกกำลังกายทิศทางและวิธีการใช้อุปกรณ์ในแต่ละส่วนของร่างกาย ก็ให้ผลที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงการเลือกใช้กระแสน้ำวนมาเป็นส่วนนึงของการฝึก ดังเช่น การฝึกเดินในทิศทางต่างๆท่ามกลางกระแสน้ำวนของผู้สูงอายุ จะช่วยฝึกการทรงตัว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการล้มของผู้สูงอายุ
ไม่เพียงแต่เพื่อบำบัดรักษาเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพอีกด้วย เช่น คุณแม่ตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม ฟื้นฟูการบาดเจ็บหลังผ่าตัด บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ข้อเข่าเสื่อม ปวดหลัง ปวดไหล่ …

จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของการออกกำลังกายบนบกและในน้ำสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากและผู้ที่มีปัญหาข้อเสื่อม นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของน้ำอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ แรงลอยตัว (buoyancy force) ซึ่งตามหลักอาร์คีมิดิส แรงลอยตัวจะมีค่าเท่ากับวัตถุที่จมอยู่ในน้ำ แรงลอยตัวนี้จะช่วยพยุงน้ำหนักของร่างกาย ดังนั้นหากอยู่ในน้ำลึก ระดับเอว น้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักของร่างกายได้ประมาณ 50% ของน้ำหนักตัว และเมื่ออยู่ในน้ำลึกมากขึ้นน้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักของร่างกายมากขึ้นด้วยเช่นกัน

อีกคุณสมบัติอย่างหนึ่งของน้ำคือความหนืด (viscosity) ที่จะช่วยพยุงร่างกายไว้เมื่อมีการเซ ทำให้สามารถปรับสมดุลย์ได้ทันก่อนเกิดการล้ม 
ผลงานวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุมีการทรงตัวดีขึ้น เมื่อมีการออกกำลังกายในน้ำอย่างสม่ำเสมอ 6 สัปดาห์
แต่อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายในน้ำยังมีข้อจำกัดบางประการ ดังนั้นจึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และนักกายภาพบำบัด

ติดต่อศูนย์ฟื้นฟูบ้านหมอ



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้